“เสือร้องไห้” เป็นเมนูยอดฮิตประจำร้านอาหารอีสาน ซึ่งเป็นหนึ่งเมนูในดวงใจของใครหลายคน ด้วยความที่เสือร้องไห้ทำมาจากเนื้อวัวในส่วนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากส่วนอื่นๆ หากทำไม่ถูกวิธีจะเหนียวมาก กัดไม่เข้า แต่ถ้าใครเชี่ยวชาญในการปรุงจะทำออกมาได้เป็นส่วนเนื้อที่อร่อยที่สุดในบรรดาเนื้อวัวทั้งปวงเลยก็ว่าได้
ทำไมเรียกว่า เสือร้องไห้
เสือร้องไห้ เป็นส่วนเนื้ออกระหว่างขาหน้าทั้งสองข้างของวัว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีความเหนียวและไขมันแทรกเยอะที่สุด เหตุผลที่เรียกเนื้อส่วนนี้ว่าเสือร้องไห้มาจากการที่ลักษณะของเนื้อนั้น มีลายไขมันหินอ่อนแทรกอยู่ตลอดทั้งเนื้อเหมือนกับลายของเสือโคร่ง จึงทำให้เวลาที่นำเนื้อเสือร้องไห้ไปย่างไฟไขมันจากเนื้อจะหยดลงสู่กองไฟ เกิดเสียงคล้ายกับเสือกำลังคำรามร่ำไห้ แต่ก็มีตำนานเรื่องเล่าอื่นๆของที่มาชื่อเสือร้องไห้อยู่ว่า เสือโคร่งตัวหนึ่งออกล่าเนื้อวัว มันกินส่วนอื่นจนหมด ยกเว้นส่วนอกบริเวณตรงกลางขาคู่หน้าของวัว หลังจากอิ่มแล้วด้วยความเสียดายมันจึงลองชิมเนื้อส่วนนั้นดู ปรากฏว่าเป็นส่วนที่อร่อยแบบที่มันไม่เคยกินมาก่อนเลยในชีวิต
ด้วยเหตุนี้เสือจึงหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความโศกเศร้า เพราะมันไม่สามารถกินต่อได้ เนื่องจากท้องของมันอิ่มอืดมากเกินไปจากการกินเนื้อส่วนอื่นๆ อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เนื้อส่วนนี้เหนียวมากจนเสือที่เป็นสัตว์กินเนื้อมีฟันกรามแข็งแรงกัดยังไม่ขาด ทั้งที่อร่อยมาก แต่ก็เหนียวมาก เสือจึงหลั่งน้ำตาออกมา ส่วนตำนานสุดท้ายกล่าวว่า ขณะที่เสือกำลังจะออกไปล่าวัวเห็นมนุษย์ปิ้งเนื้อส่วนนี้กินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อมันเห็นว่ามนุษย์แย่งอาหารของมันไป เสือจึงหลั่งน้ำตาออกมา ในประเทศไทยนิยมการทำเสือร้องไห้แบบปิ้งย่างมากกว่า แตกต่างจากต่างประเทศที่จะนำเนื้อส่วนนี้ ที่มีความเหนียวนุ่มสอดแทรกไปด้วยมันไปตุ๋นหรือบดเพื่อให้เคี้ยวได้ง่ายขึ้น บ้างก็นำไปย่างบาร์บีคิว
ซึ่งก็ต้องคอยดูให้ได้ระดับที่เหมาะสม ในส่วนของวิธีการทำเสือร้องไห้ตามแบบฉบับชาวอีสาน ต้องเริ่มจากการนำข้าวคั่ว พริกป่นน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มาคนให้เข้ากันแล้วนำไปคลุกกับเนื้อเสือร้องไห้ที่เตรียมไว้ นำส้อมมาจิ้มให้ทั่วเนื้อเพื่อให้ส่วนผสมเข้าแทรกซึมในเนื้อมากขึ้น จากนั้นหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วนำไปย่างกับไฟร้อนๆให้ได้ระดับมีเดียมแรร์ จะได้ออกมาเป็นเมนูเสือร้องไห้ที่อร่อยมาก หากทำสุกน้อยเกินไปเนื้อจะเหนียว ชั้นไขมันจะไม่ละลายหอมอร่อย ถ้าทำสุกมากเกินไปหรือปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นเนื้อจะเหนียวจนเคี้ยวไม่ได้ การกินเสือร้องไห้ที่ถูกต้อง คือ ต้องกินในตอนร้อนๆเท่านั้น จึงจะได้รสชาติที่หอมอร่อย เคี้ยวง่าย สัมผัสความนุ่มเด้งและมันลายหินอ่อนที่แทรกอยู่ตามเนื้อได้ดีที่สุด
ในส่วนของวิธีการทำน้ำจิ้มแจ่วให้เข้ากับเมนูเสือร้องไห้ เรามีสูตรมาแนะนำ เริ่มจากนำต้นหอมซอย ใส่น้ำปลา น้ำตาล พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดง น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน จิ้มกับเสือร้องไห้ร้อนๆ ยิ่งฝานเป็นชิ้นบางๆยิ่งอร่อย
อาหารน่ากิน เมนูอาหารอยู่บ้าน อาหารทำเอง
เครดิตภาพ 1 จาก www.cookpad.com
เครดิตภาพ 2 จาก www.เมนู.net
เครดิตภาพ 3 จาก www.sirinfarm.com